3/6/58

การเดินทางของนิทาน : ตอนที่ 3

การเดินทางของนิทานเรื่อง เพื่อนที่แสนดี

นิทานเกือบจะเสร็จสมบูรณ์แล้ว โดยตอนนี้เหลือแค่การระบายสีเท่านั้น แต่ก่อนระบายสีต้องตรวจสอบความถูกต้องของแต่ละหน้าก่อนว่าเป็นไปตามที่วางแผนไว้หรือเปล่า ซึ่งเมื่อดูแล้วไม่มีอะไรผิดพลาดจึงไม่รอช้า ลงมือระบายสีให้ครบทุกหน้า


สุดท้ายนี้จะติดสติ๊กเกอร์ให้เรียบร้อย เพื่อให้นิทานมีความคงทน และไม่ให้กระดาษขาดเวลาน้ำหกหรือหยดใส่





การเดินทางของนิทาน : ตอนที่ 2

การเดินทางของนิทานเรื่อง เพื่อนที่แสนดี

หลังจากได้รูปแบบ เนื้อเรื่องที่ต้องการก็ได้เวลาลงมือปฏิบัติ โดยเริ่มจากการซื้อวัสดุอุปกรณ์ในการทำนิทาน โดยการทำนิทานครั้งนี้เลือกวาดมือ เป็นแบบทำมือทุกอย่าง เพราะไม่ถนัดวาดโดยโปรแกรม

โดยกระดาษที่เลือกใช้จะเป็นกระดาษปอนด์เรียบ ที่เลือกใช้กระดาษปอนด์เรียบเป็นเพราะว่า หากใช้แบบขรุขระ เมื่อติดสติ๊กเกอร์ใสในขั้นตอนสุดท้ายจะทำให้นิทานดูไม่เรียบร้อยสวยงาม อาจมีฟองอากาศเหลืออยู่หากไล่อากาศตอนติดสติ๊กเกอร์ไม่ทัน




ทำการตัดกระดาษขนาดเป็นขนาด 8*16 นิ้ว เมื่อพับครึ่งแล้วเย็บตรงกลาง นิทานจะมีขนาด 8*8 นิ้ว เสร็จแล้วลงมือวาดตามที่คิดไว้และทำการตัดเส้นด้วยปากกาน้ำตาลให้ครบทุกหน้า






การเดินทางของนิทาน : ตอนที่ 1

 

การเดินทางของนิทานเรื่อง เพื่อนที่แสนดี

นิทานเรื่องนี้เป็นนิทานที่ทำขึ้นเพื่อประกอบการเรียนในรายวิชาการเขียนหนังสือสำหรับเด็ก โดยในช่วงแรกได้เลือกทำอีกเรื่องหนึ่ง แต่พอให้คุณแม่ช่วยดูเนื้อเรื่อง กลับบอกว่าถ้าเด็กอ่านคงไม่เข้าใจ จึงต้องเปลี่ยนเรื่อง โดยก็คือเรื่องที่ทำเสร็จแล้วตอนนี้

ช่วงสงกรานต์หลังจากหยุดยาวก็ได้กลับมาคิดว่าควรทำเรื่องอะไรดี คุณแม่ก็ช่วยคิด และได้ข้อสรุปกันว่าเราน่าจะทำเรื่องเกี่ยวกับการพูด เพราะน่าจะใกล้ตัวเด็กมากที่สุด จึงได้ทำโครงเรื่องใหม่ และแบ่งว่าแต่ละหน้าควรนำเนินเรื่องอย่างไร


หลังจากนั้นก็ทำเป็นรูปเล่ม แต่เป็นตัวอย่าง เพื่อเป็นการจำลองว่านิทานเราจะออกมาในรูปแบบไหน ต้องวางข้อความตรงไหน วาดรูปอะไรบ้าง




นิทาน : เพื่อนที่แสนดี



Theme ค่านิยม 12 ประการ : ข้อ 9. มีสติรู้ตัว รู้คิด รู้ทำ รู้ปฏิบัติตามพระราชดำรัสของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว
ชื่อเรื่อง : เพื่อนที่แสนดี
กลุ่มเป้าหมาย : วัยประถมต้น ช่วงอายุ 6-8 ปี
ประเภทหนังสือ : ร้อยแก้ว
แก่นของเรื่อง / สาระสำคัญ : สอนให้เด็กมีสติในการฟัง ไม่เชื่อคำพูดของใครง่ายๆ โดยไม่ได้ไตร่ตรอง
โครงสร้างเนื้อหา / ความนำและความท้าทาย :
          ณ สวนมะม่วงแห่งหนึ่ง มีเพื่อนรัก 2 คน ชื่อกระรอกกับกระต่าย ซึ่งทำงานด้วยความขยันและไม่เคยทะเลาะกันเลย อยู่มาวันหนึ่งมีเพื่อนร่วมงานอิจฉา จึงหาวิธีทำให้ทั้ง 2 คนทะเลาะกัน จึงไปพูดโกหกกับกระต่ายให้เกิดความเข้าใจผิด แต่ด้วยความมีสติของกระรอกหลังจากได้สอบถามกระต่ายจึงทำให้หาวิธีแก้ไขปัญหาได้ และทั้ง 2 ก็ทำงานด้วยกันต่อไปอย่างมีความสุข

ฉาก
·       สนามหญ้า
·       สวนมะม่วง

ตัวละคร 
·       กระต่าย : เด็กผู้หญิงขยันทำงาน มีความตั้งใจ
·       กระรอก : เด็กชายขยันทำงาน ตั้งใจ รักเพื่อน และมีสติ
·       ลิงจ๋อ : เด็กชายจอมขี้เกียจ ขี้อิจฉา
·       เจ้าของสวน : ผู้ใหญ่ใจดี มีความเมตตา มีเหตุผล

Newyear's life

สวัสดีค่ะผู้อ่านที่น่ารักน่าเลิฟทุกท่าน :3
เมื่อไม่กี่วันก่อนแป้งมีโอกาสได้นั่งคุยกับเพื่อนคนหนึ่ง
เธอคนนี้เป็นคนที่มีความน่าสนใจหลายอย่าง
ชีวิตไม่เคยหยุดนิ่ง ต้องมีกิจกรรมหรือการเดินทางอยู่ตลอด
แต่จะน่าสนใจอย่างไรนั้น ไปอ่านด้านล่างกันเลยค่า.. 


Newyear's life

Newyear's life ไม่ได้หมายถึงชีวิตในช่วงปีใหม่นะคะ แต่เพื่อนของแป้งชื่อนิวเยียร์คค่ะ เพื่อนคนนี้มีความสุขกับทุกสิ่งที่ทำ เต็มที่กับชีวิตมากๆ การเรียนก็ทำได้ดี กิจกรรมก็ไม่เคยขาด เมื่อมีโอกาสได้นั่งคุยกันเลยขอถามเพื่อนสักหน่อย

..ทำไมถึงกลายมาเป็นเด็กกิจกรรม..

“มันสนุก มันมีอะไรมากกว่าในห้องเรียน บางทีในห้องเรียนมันน่าเบื่อ เจอแต่ตัวหนังสือ บทเรียน อยู่แต่กับเพื่อนเดิมๆ ก็ยากเปลี่ยนบ้าง เลยมีความคิดในการเริ่มทำกิจกรรม เพราะจะได้พบเจอคนหลากหลายมากขึ้น ได้แลกเปลี่ยนประสบการณ์ ทุกคนที่ทำกิจกรรมล้วนเป็นคนที่มีความสามารถ มีศักยภาพในตนเอง เมื่อได้ทำกิจกรรมร่วมกันเราจะได้เรียนรู้การทำงานและพฤติกรรมของผู้อื่น ซึ่งสามารถนำมาปรับใช้กับตัวเราเองได้”

..แบ่งเวลาอย่างไร..

“หากเป็นกิจกรรมของมหาลัยก็ทำได้ทุกวันอยู่แล้ว ถ้าเป็นช่วงกลางวันก็ทำได้ไม่มีปัญหา แต่ตอนเย็นอาจจะจำกัดเวลาเพราะหอให้เข้าได้ไม่เกิน 2 ทุ่ม แล้วหลังจาก 2 ทุ่มก็จะเป็นช่วงเวลาเคลียร์การบ้าน วันไหนที่ว่าง ไม่มีเรียนก็จะทำกิจกรรม เสาร์-อาทิตย์ก็ทำกิจกรรมกับองค์กรภายนอกได้ แต่ใน 1 เดือนก็ต้องแบ่งเวลาให้ดี ลากลับบ้านได้ 2 ครั้ง ก็ต้องแบ่งเวลาว่าจะทำอะไรในช่วงไหน”

..อยากให้เล่าประสบการณ์ค่ายที่ประทับใจ..

“ขอเล่าถึงค่าย มศว พบประชาชน ค่ายจัดขึ้นเดือนมีนาคม 2557 เป็นค่ายที่ชอบมาก เพราะนั่งรถนานมาก ประมาณ 15 ชั่วโมง ไปที่จังหวดตาก เป็นรถบัสพัดลม 3 คัน มีภูเขาตลอด การเดินทางอุปสรรคเยอะ แต่ก็ไปถึงจุดหมาย จัดทั้งหมด 1 อาทิตย์ เป็นค่ายสำหรับผู้นำและนักกิจกรรมของมหาวิทยาลัย โดยจะแบ่งเป็นฝ่ายต่างๆ เช่นฝ่ายวิชาการ ได้ไปทำห้องสมุด จัดหนังสือ ฝ่ายบำเพ็ญประโยชน์จะทำโรงจอดรถ ทาสีอาคารเรียน มีการจัดกีฬา ทำกิจกรรมร่วมกับเด็ก ซึ่งสิ่งที่ได้จากค่ายนี้ อย่างแรกเลย ได้มิตรภาพ ได้เพื่อนใหม่ ทำให้การประสานงานภายในมหาวิทยาลัยง่ายขึ้นมาก”

..ระหว่างการเรียนกับการทำกิจกรรมชอบอะไรมากกว่ากัน..

“ชอบกิจกรรมมากกว่าการเรียน เพราะมันสนุกกว่า ไม่น่าเบื่อ ทำกิจกรรมได้ปฏิบัติจริง ลงมือจริง ได้ประสบการณ์จริง”

 

..ชอบทำกิจกรรมแบบนี้ ยังอยากเป็นครูหรือเปล่า..

“เริ่มแรกเลยอยากเรียนวิศวกรรม เพราะชอบลงมือปฏิบัติ แต่พอได้มาเรียนครู ก็มีความรู้สึกว่าเราถูกบ่มเพาะมาเรื่อยๆ จากไม่อยากเป็นครูเลย ไม่ชอบมากๆ พอเรียนผ่านไป 1 เทอมกลับรู้สึกว่า เรียนครูก็ดีนะ ซึมซับความเป็นครูมาทีละนิดๆ ตอนนี้เลยรู้สึกว่าเป็นครูก็ดีนะ”

 

..นอกจากสิ่งที่ทำอยู่ตอนนี้ อยากทำอะไรอีกไหม..

“นอกจากการทำกิจกรรมก็จะเป็นเรื่องเที่ยว เพราะเป็นคนชอบเที่ยว อยากเที่ยวอุทยานทั่วประเทศไทย ไปเปิดโลกกว้าง หาประสบการณ์ให้ตัวเอง เพราะอุทยานแต่ละที่ก็มีความแตกต่างกัน อยากไปเรียนรู้ เผื่อในอนาคตไปเป็นครูจะได้พาเด็กไปทัศนศึกษานอกสถานที่ได้ และอีกอย่างหนึ่งก็คือการไปเรียนต่อต่างประเทศ แล้วกลับมาทำงานที่ไทย คือตอนนี้เหมือนประเทศเรายังไม่พัฒนาในด้านการศึกษาเท่าที่ควร หรืออาจจะพยายามพัฒนาแต่หลายอย่างมันไม่ตรงจุด เราเรียนเรายังเบื่อเลย เด็กก็คงรู้สึกเบื่อไม่ต่างกัน เลยอยากไปศึกษาที่ประเทศอื่นว่าจัดระบบการศึกษาแบบไหน ที่จะทำให้การศึกษาน่าสนใจ เด็กอยากเรียนรู้ และไม่น่าเบื่อ”

..มีความสุขกับสิ่งที่ทำอยู่ทุกวันนี้ไหม..

“มีความสุขมาก แต่จะมากกว่านี้ถ้าได้ไปเที่ยวและได้ไปเรียนต่อต่างประเทศมาก”

..พูดถึงชีวิตตัวเอง..

“ชีวิตมันเยียร์ๆ(นิวเยียร์) คือทำอะไรก็ได้ที่เรามีความสุข สนุก แต่เราก็ยังใส่ใจคนอื่นบ้าง คนเรามันต้องมีทั้งดีและไม่ดี อะไรที่ทำแล้วมีความสุขก็ทำไป ไม่เดือดร้อนใครก็ทำไป”

 

..ขอฝากคติประจำใจ..

“ถ้าเชื่อว่าไม่แพ้เราก็จะไม่แพ้ ไม่ว่าผลมันจะออกมาเป็นอย่างไร แต่ถ้าเราเชื่อว่าไม่แพ้เราก็จะไม่แพ้”

เป็นอย่างไรกันบ้างคะ ชีวิตของเด็กกิจกรรมคนหนึ่ง ผู้อ่านอาจไม่รู้สึกว่ามันแตกต่างจากคนทั่วไปมากมายนัก แต่สำหรับแป้ง เพื่อนคนนี้ค่อนข้างต่าง สิ่งหนึ่งที่เห็นได้ชัดคือเพื่อนสามารถจัดการเวลาได้เป็นอย่างดี น้อยครั้งมากที่จะมีปัญหา ซึ่งจะแตกต่างกับคนทั่วไปตรงที่ว่าต้องเลือกทำสิ่งใดสิ่งหนึ่ง แต่เพื่อนสามารถทำทั้ง 2 อย่างควบคู่กันไปได้

การจะทำอะไรก็ตามให้ออกมาดี ถ้าการจัดการเราทำได้ดีก็ไม่มีปัญหาค่ะ ผู้อ่านสามารถนำวิธีการแบ่งเวลาไปปรับใช้ได้นะคะ แป้งคิดว่าเป็นวิธีที่ทำได้ง่าย และนำไปใช้ได้จริง เหมาะสำหรับนักกิจกรรมทุกคนเลยค่ะ



..แล้วพบกันใหม่ในบทความต่อไป
สวัสดีค่ะ :)